Rain [Wilardo x Ashe]
สิ่งนี้คือ นิยายเรื่องแรกที่เรานำมาลงใน dek d /เขินจ้ะ อรั้ย-- ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ
ผู้เข้าชมรวม
689
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
สวัสดีชาวโลก
เราคือ เกี๊ยว คนที่ชอบวาดรูปในกลุ่มนั่นไง(เอ๊ะ เคยเจอกันหรอว์) วันนี้ก็ได้งอกแฟนฟิค
วิลาร์โด x แอช ออกมาหนึ่งหน่อ ด้วยความกาวล้วนๆ (แต่เนื้อหาฟิคไม่กาวนาจา)
และแน่นอนว่าที่โผล่มาจ่าหน้าซองแบบนี้ ก็เพื่อจะมาเตือนทุกๆคนเกี่ยวกับฟิคนี้
แฟนฟิคนี้จัดทำขึ้นมาเพื่อสนองนีทผู้เขียน ห้ามนำไปเผยแพร่ในเชิงพาณิชย์
มีเนื้อหารุนแรง ผู้ที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ควรได้รับคำแนะนำ
มีเนื้อหาไปในเชิง YAOI หรือ BL
ไม่มีฉาก NC เวิ่นกาวล้วนๆ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเสพ ซู้ดดดด…
เกี๊ยวคนจร
-------------------------------------------------------------------------
ภายในห้องนอนสีแดง แสงเทียนภายในห้องถูกดับลง มีเพียงม่านตรงหน้าต่างที่เรืองแสงจันทร์นวล ม่านที่ปิดกั้นแสงนั้นไว้ดั่งจะเปรยว่า ไม่ต้องการให้ความช่วยเหลือใดๆส่งมาถึงร่างที่นอนหายใจแผ่วอยู่บนเตียงนุ่มเปรอะเลือด
ชายผมสีเข้มนั่งคร่อมร่างที่แน่นิ่งไร้การตอบสนอง ดวงตาที่เคยนิ่งสุขุมกลับเปี่ยมแววไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจสุดขีดจนนัยต์เนตรสั่นระริก คำโกหกที่พยายามสร้างขึ้นมาลวงหลอกตนเองพลันสลายไปเมื่อมือข้างหนึ่งของเขากำรวบอยู่ที่ลำคอระหงนั้น!
“.....”วิลาร์โดค่อยๆคลายมือที่สั่นเทานั้นออกจากลำคอขาว แสงริบหรี่จากหน้าต่างแม้จะไม่สว่างมากแต่ก็พอให้เห็นว่าที่คอนั้นมีรอยช้ำจ้ำใหญ่ล้อมรอบ เสื้อผ้าของเหยื่อถูกฉีกออกไม่เหลือชิ้นดีราวกับเพิ่งสู้กับสิงโตคลั่งมาหมาดๆ ไม่รวมบาดแผลตามตัวซึ่งยังชื้นเลือด จากการดิ้นรนตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด หลักฐานที่สร้างบาดแผลเหล่านั้นเองก็ทิ้งเกลื่อนอยู่เต็มพื้นโดยรอบ เศษแจกัน เศษแก้ว ไปจนถึง...ปลอกกระสุนปืน
ความรู้สึกตอนที่เขาชักปืนบนพื้นนั้นขึ้นมาไล่ยิงผู้บุกรุกผู้โชคร้ายคนนี้ยังติดอยู่ที่มือ สิ่งแรกที่เขาคิด คือการปรามอีกฝ่ายไม่ให้เข้ามาทำร้ายตน นัดที่หนึ่งตรงไปยังขาอีกฝ่ายเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว เพียงเท่านั้นก็น่าจะพอ…
แต่มันกลับเลยเถิดมาเรื่อยๆ จนเขาเกือบจะเป็นคนร้ายไปซะเอง
…
4 - 6 ชั่วโมงก่อนหน้า…
“ฝน….?”เสียงทุ้มเรียบเอ่ยพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างบานเล็กที่ชั้นบน หยาดน้ำนับล้านที่ร่วงลงมาจากฟ้านั้นเขาไม่เคยอยากจะโดนมันเลย แต่พอติดอยู่ที่นี่ ก็นึกอยากจะออกไปรับมันสักครั้ง เอาให้ไข้จับไปเลย…
ซ่าา….
สายฝนที่ลงมาจากฟ้า ตกลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าหยาดน้ำเหล่านี้จะได้ช่วยมอบชีวิตให้กับใคร หรือเพียงแค่ผ่านมาชโลมคฤหาสน์นี้ให้ชุ่มชื้น
“คุณวิลาร์โด!”เขาหันไปมองตามเสียงเรียกขานนั้นช้าๆ ร่างสูงในชุดพื้นเมืองสีเขียวเข้ากับเรือนผมยาวสีมิ้นต์ยืนยิ้มทะเล้นอยู่ตรงนั้น แต่สำหรับเขามันเป็นรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ รอยยิ้มเสแสร้ง
“แอช...”
“ว้าว...ฝนตกด้วยแฮะ”คู่สนทนาเบี่ยงประเด็นไปพร้อมกับกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาเกาะหน้าต่างด้วยอีกราย จ้องมองทิวทัศน์ที่ถูกสายฝนกลืนแทบมิด
“ฝนห่าใหญ่เลยนะเนี่ย ดูสิ”
“เห็นแล้ว”วิลาร์โดตอบกลับไปแบบไม่สบอารมณ์นัก เรื่องคำสาปยังไม่น่าเคืองเท่าต้องติดอยู่ในที่พิลึกกับคนพิกลชอบสอดชาวบ้านอย่างแอช ถึงจะบอกว่า ไม่รู้ก็ต้องถาม แต่ถ้ามันมากไปมันก็น่ารำคาญ
“ไม่นึกเลยนะเนี่ย...ทั้งที่ตอนเช้าแดดยังออกเปรี้ยงๆอยู่เลยแท้ๆ”ความเงียบยังคงถูกแอชทำายเรื่อยๆ
“...เนอะ คุณวิลาร์โด”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบอะไรก็เรียกชื่อ กระตุ้นให้ตอบกลับมาบ้าง แต่ก็ยังไร้ซึ่งซุ้มเสียงนอกจากพยักหน้าแล้วก็ไม่มีอะไรตอบมาอีก
ซ่าาา….
เสียงฝนเป็นสิ่งเดียวที่กลบความเงียบนี้ไว้ลึกๆ แม้มันจะเหลือความเศร้าหมองเอาไว้ก็ตาม แอชหันหน้ากลับไปจ้องมองสายฝนผ่านหน้าต่างก่อนจะเริ่มทำลายความเงียบอีกครั้งหนึ่ง
“คุณวิลาร์โด”
“อะไร”
“ฝนเนี่ย...ทำไมผู้คน ถึงคิดว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของความเศร้าหมองกันล่ะ?”
“.....”
แอชถอดถอนหายใจออกมาพร้อมระบายยิ้มเศร้า สายตายังไม่ละจากภาพตรงหน้า ราวกับไม่ได้เห็นมันมานาน อยากจะดื่มด่ำไปกับมันจนหยาดฟ้าหยดสุดท้าย
“เพราะว่ามันบดบังแสงอาทิตย์เหรอ...แต่สำหรับผม ผมว่ามันคือสัญลักษณ์ของชีวิตนะ คิดดูสิว่าถ้าไม่มีมัน เราจะเป็นยังไง”
“จะเป็นยังไงก็ช่าง มันไม่เกี่ยวกับฉัน”วิลาร์โดตอบปัดๆไป ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับห้องตนไป ทิ้งให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียวกับเสียงฝน
สายฝน...คือ สัญลักษณ์ของชีวิตและความเศร้าหมอง...จะบอกว่าการที่ยังมีชีวิต คือความเศร้าหมองหรือ…
ร่างนี้ที่ต้องแบกรับ ลมหายใจและชีพจรที่เต้นไปเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน อายุขัย ทุกสิ่งที่ผ่านมาและผ่านไป...ล้วนทำให้ผู้คนเศร้าหมอง...เช่นนั้นแล้ว จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่อเหตุอันใดกัน
ทั้งที่อุตส่าห์เกิดมาแต่กยังอยากตาย ทั้งที่อุตส่าห์ยิ้มได้แต่ก็ยังเศร้า...ช่างน่าฉงน
แกร๊ก….
ในยามวิกาลคืนนั้น เสียงลูกบิดประตูดังแทรกเข้ามาในห้องสีแดง ชายผมสีเข้มที่กำลังนอนคิดคำนึงบางอย่างได้หยุดความคิดของตนไปแล้วเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จังหวะการเดินที่เหมือนย่องเบานั้นทำให้เขาระแวงจนเลื่อนมือไปจับปืนที่วางอยู่ข้างกายเตรียมไว้ ก่อนจะรีบลุกพรวดขึ้นมายิงมันใส่ผู้บุกรุก
เปรี้ยง!!
“อ๊าากกก!!”เสียงคุ้นเคยร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ตามด้วยเสียงของหนักร่วงลงพื้นแตกกระจาย เดาได้ไม่ยากเลยว่าเป็นใครที่ย่องเข้ามาจะเอาแจกันใบนั้นทุบใส่หัวเขา โชคยังดีที่เขาไหวตัวทัน เพราะตอนลุกขึ้นมาก็เห็นแอชยกมันเตรียมเหวี่ยงเต็มแรงแล้ว..
“แอช...”เขาเอ่ยชื่อนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก พลางมองคนที่ทำหน้าเหยแกนั้นเงยขึ้นมายิ้มยียวนใส่
“แหม...แหมๆ….พลาดจนได้สินะ”
“แกฆ่าฉันไม่ได้หรอกนะแอช”เขาว่าทั้งที่ยังหันปากกระบอกปืนไปที่คนร้าย คราบเลือดที่ติดตามตัวนั้น คงจะไปปลิดชีวิจใครมาก่อนหน้าแน่ๆ…
น่ารังเกียจเป็นบ้า
“อย่าทะนงตนไปหน่อยเลย...คิดว่ามีปืนแล้วแกจะทำอะไรฉันได้รึไง!?”
ปิดปากเขาซะ
เสียงหนึ่งแทรกเข้ามาในหัวของเขาก่อนที่ร่างะลุกพรวดเข้าไปคว้าหมับที่ข้อมือขวาอีกฝ่ายทั้งที่ยังมีมีดอยู่ในมือ แล้วเหวี่ยงให้ล้มลงไปกับพื้น เสียงร้องเจ็บปวดจากร่างที่อยู่ข้างใต้ดังขึ้น เศษกระเบื้องแตกบนพื้นบาดทะลุผ้าเข้าไปจนห้อเลือด ขนาดที่แอชจมอยู่กับความเจ็บปวดจากบาดแผลที่เพิ่มเข้ามาอีกก็ใช้ด้ามปืนตบเข้าที่หน้าอีกฝ่ายจนหน้าหัน
สัญชาตญาณและความต้องการที่จะเป็นผู้ชนะตามประสาสัตว์ครอบงำชายผมสีเข้ม ความรุนแรงในการทำร้ายเริ่มหนักขึ้นและถี่ขึ้น เขาขยับถอยออกมายืนมองร่างที่ตอนนี้จะลุกขึ้นนั่งยังไม่รอด พื้นเปื้อนไปด้วยรอยเลือดากร่างที่กำลังลากสังขารไปยังประตู
“....”วิลาร์โดยืนมองภาพน่าสังเวชตรงหน้าก่อนจะก้าวขาไปเหยียบแผ่นหลังบางให้จมลงไปกับพื้น รับเศษกระเบื้องอีกหนจนเจ้าของร่างกรีดร้อง แล้วเหยียบซ้ำแผลกระสุนปืนที่ขาจนเลือดตกมากกว่าเดิม
“แกคิดว่าจะจบอยู่แค่นี้รึไง? แอช...”
“พอได้แล้ว...ผมขอโทษ…”เสียงสั่นเครือสะอื้นไห้เอ่ยขอความปรานี ฆาตรกรที่เพิ่งจะฆ่าคนมาหมาดๆตอนนี้เป็นลูกไก่ในกำมือ ขาข้างที่บาดเจ็บเองก็ขยับไหวติงไม่ได้ รวมทั้งสติที่เริ่มเลือนลางจากการเสียเลือดมาก
“ขอโทษ…?”เขายกเท้าออกจากอีกฝ่ายแล้วเดินมาเขี่ยให้นอนหงายเพื่อดูบาดแผลตามตัว เศษกระเบื้องบางชิ้นยังปักอยู่ตามตัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อน
ผัวะ!!
วิลาร์โดซัดหมัดหนักๆเข้าที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้น เป็นการตัดสติที่เหลืออยู่เฮือกสุดท้าย เสียงฝนและเสียงฟ้าร้องดังมาจากข้างนอก ฝนยังคงตกไม่หยุดหย่อน เหมือนกับตัวเขาในตอนนี้ที่ถูกอารมณ์ของสัตว์ชโลมอาบไปทั้งตัว เมื่อได้เห็นร่างอีกฝ่ายถูกย้อมไปด้วยเลือดและบาดแผล
ต้องการที่จะช่วงชิงทุกอย่างไปจากฆาตรกรตรงหน้า แม้แต่โอกาสและความคิดที่อยากจะมีชีวิตอยู่ จะไม่ให้เหลืออะไรนอกจากสายฝนที่จะไหลอาบสองข้างแก้มนั้น จนกว่าเขาจะเป็นคนดับเปลวชีวิตดวงน้อยนี้ทิ้งไปเองกับมือ
ฉันจะมอบสายฝนตลอดกาลใหกับนายเอง…..
.
.
.
“.....” หลังจากดื่มด่ำกับความเจ็บปวดและเสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายไปแล้ว เขาก็ลุกมานั่งเหม่ออยู่ที่ปลายเตียง เสียงฝนเองก็เงียบไปแล้ว ฟ้าไร้เมฆเปิดให้แสงจีนทร์สาดผ่านช่องว่างของผืนผ้าม่านเข้ามาบนพื้นพรม กระทบกับเศษกระเบื้องบนพื้นสะท้อนเป็นแสงสีขาวคล้ายมีดวงดาวเล็กๆในห้อง
วิลาร์โดเหลือบไปมองร่างที่ตนทำแผลให้เสร็จเรียบร้อยนอนหมดสติอยู่บนเตียง และไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมาเร็วๆนี้ ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้ามาก่อนจะจางหายไปกับคำพูดที่แวบเข้ามาในหัวเมื่อยามโพล้เพล้
“ฝนเนี่ย...ทำไมผู้คน ถึงคิดว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของความเศร้าหมองกันล่ะ?”
“เพราะว่ามัน..บดบังแสงงั้นเหรอ…?”
.
“...ไม่หรอก ไม่ใช่กับฉัน”เขาเอ่ยขึ้นมาเบาๆพร้อมกับคลี่ยิ้มพึงพอใจเงียบๆ สำหรับแอชแล้วนี่คงจะเป็นฝนห่าใหญ่ แต่สำหรับเขา...ฝนเพิ่งจะหยุดตกไปหมาดๆ
.
ฉันจะทำให้นายรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางพายุฝนเอง...
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ เกี๊ยวไม่ผัก ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เกี๊ยวไม่ผัก
ความคิดเห็น